Day: July 19, 2022

Triller เรียกร้องให้ชาวอเมริกาทุกคนลบ TikTok ในวันนี้และให้ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการโดยตรงและเกินกำลังในการแบน TikTok

ลอสแองเจลิส, July 19, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — Triller เรียกร้องต่อ CFIUS ประธานาธิบดี Joe Biden แห่งสภาคองเกรสของกระทรวงกลาโหมให้สั่งแบน TikTok โดยอ้างว่าเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดต่ออเมริกาในปัจจุบันด้วยจดหมายเปิดผนึกจาก CEO และประธานของ Triller Mahi De

ในฐานะ CEO ของบริษัทระดับโลกที่มีเป้าหมายในการช่วยให้ครีเอเตอร์นั้นสามารถเลือกทางเดินของพวกเขาได้เองภายในขอบเขตวงการการทำงานของพวกเขา โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนมาเพื่อให้เกิดเปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้าจะยืนหยัดร่วมกับคณะผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง หน่วยงานที่กำกับดูแล เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ผู้บริหารระดับโลกท่านอื่น ๆ และผู้บริโภคที่ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของผลกระทบที่ร้ายแรงของ TikTok ที่มีต่อสังคมของเรา สัญญาณอันตรายนั้นมีมากมายตั้งแต่หัวหน้าในแวดวงเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของเราไปจนถึงนักข่าวด้านเทคโนโลยีที่มีความสามารถหลากหลายและเชื่อมโยงถึงกันมากที่สุด ผู้ปกครองชาวอเมริกาทุกคนต้องตั้งคำถามว่าแอปวิดีโอโซเชียลนี้รู้อะไรเกี่ยวกับลูก ๆ ของพวกเขาบ้าง และวิธีที่จะใช้สัญญาณเหล่านั้นเพื่อทำความเข้าใจในตำแหน่ง ความชอบ และนิสัยของพ่อแม่และทุกคนในครอบครัวให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ข้อมูลที่ส่งมาจากผู้ใช้ TikTok ชาวอเมริกันเริ่มต้นจากการตั้งค่าเนื้อหาและข้อมูลตำแหน่งที่สามารถนำไปสู่การกำหนดความเป็นเจ้าของบ้าน ที่ทำงาน และกำหนดการในวันหยุดได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงข้อมูลจำนวนมากที่มีความละเอียดยิ่งขึ้นในทุกแง่มุมของชีวิตชาวอเมริกันของเรา

ในวันนี้ เราเรียกร้องให้ชาวอเมริกาทุกคนลบ TikTok ออกจากอุปกรณ์ของพวกเขาในทันที นอกจากนี้ Triller ยังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการโดยทันทีและทำการแบน TikTok และ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่จีนเป็นเจ้าของ เงินเดิมพันไม่เคยสูงขึ้น

ผลงานล่าสุดของศาสตราจารย์ Scott Galloway TikTok: ม้าโทรจัน อธิบายสิ่งนี้ได้เป็นอย่างดี:

“รัฐบาลจีนนั้นมีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทเอกชนได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ กฎหมายที่หลากหลาย เหล่านี้ทำให้สิ่งนี้สามารถเป็นไปได้ ซึ่งรวมไปถึงกฎหมายว่าด้วยความลับของรัฐผู้พิทักษ์: หากคุณถูกสงสัยว่าปกปิดข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของรัฐ คุณจำเป็นต้องให้สิทธิ์การเข้าถึง รัฐนั้นมีตำแหน่งการเป็นเจ้าของเล็กน้อยที่เรียกกันว่า หุ้น ทองคำ (ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะได้มาพร้อมกับตำแหน่งที่นั่งในคณะกรรมการ) ในธุรกิจที่เห็นว่าเป็นกลยุทธ์ต่อรัฐ หนึ่งในข้อตกลงของหุ้นทองคำนั้นก็คือ ByteDance และถึงแม้ว่าผู้บริโภคชาวจีนจะไม่สามารถเข้าถึง TikTok ได้ แต่การเข้าถึงข้อมูลของ TikTok ของจีนก็ไม่เป็นปัญหา ในเดือนมิถุนายน Buzzfeed ได้รับ การบันทึกเสียงมากกว่า 80 รายการ จากการพบปะกันภายใน TikTok ซึ่งนั่นคือเครื่องยืนยันว่าผู้บริหารชาวจีนที่ ByteDance สามารถเข้าถึงข้อมูลของ TikTok ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ผู้จัดการ TikTok หมายถึงวิศวกรในปักกิ่งหรือที่รู้จักกันในนาม “ผู้ดูแลระบบหลัก” ซึ่ง “มีสิทธิ์เข้าถึงได้ทุกอย่าง”

สิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ TikTok ในสหรัฐอเมริกา

ระบบ AI ที่ทำหน้าที่แนะนำวิดีโอแบบสั้นนั้นจะขยายตัวออกไปเพื่อชักจูงอีคอมเมิร์ซและห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตของการค้าในอเมริกา ByteDance ของจีนและตัวแทนในสหรัฐอเมริกาอย่าง TikTok ได้รับความสนใจจากสื่อดิจิทัลอยู่แล้ว โดยที่ชาวอเมริกันใช้เวลามากถึง 90 นาทีต่อวันในการเลื่อนดูเนื้อหาที่แนะนำโดย AI ซึ่งมากกว่าเวลาที่ใช้บนแพลตฟอร์มอย่าง Google Facebook หรือ Amazon

ที่สำคัญกว่านั้น ความกังวลของเราในฐานะประชาชนชาวอเมริกันควรขยายไปไกลกว่าแค่เพียงกระเป๋าเงินของเราแต่ควรขยายไปจนถึงกระดูกสันหลังของสังคม นั่นก็คือตัวแทนประชาธิปไตยและเสรีภาพในการพูด ระบบ AI ที่ควบคุมโดย ByteDance เจ้าของชาวจีนและนำเสนอผ่าน TikTok นั้นเป็นเครื่องมือขั้นสุดท้ายในการโน้มน้าวเยาวชนของเราโดยการกำหนดเนื้อหาและการรับรู้ที่เอื้ออำนวยต่อการสนับสนุนประเทศจีน

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าในพจนานุกรมของเทคโนโลยี อัตราส่วนสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนของ TikTok และ ByteDance บริษัทแม่ที่ชาวจีนเป็นเจ้าของนั้นล้วนเป็นสัญญาณทั้งหมด เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ TikTok นั้นกินพื้นที่ส่วนใหญ่ในตลาด ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงภัยคุกคามภายในระบบนิเวศของครีเอเตอร์เท่านั้นแต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจทั้งหมดของเราอีกด้วย เนื่องจากเจ้าของชาวจีนนั้นไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเดียวกันกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในแขนงเดียวกัน อันตรายทั้งในปัจจุบันและอนาคตเหล่านี้สามารถคุกคามเศรษฐกิจนวัตกรรมของอเมริกาทั้งหมดได้

เราเข้าใจดีว่าบางคนอาจโต้แย้งได้ว่า Google Facebook และ Triller ยังรวบรวมข้อมูลดิจิทัลเล็ก ๆ น้อย ๆ จำนวนมหาศาลไว้ที่ผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา Triller นั้นดำเนินการภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนจะสะดวกสำหรับบริษัทที่จะเรียกร้องให้ทำการแบนบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ของตน แต่เป้าหมายหลักของเรา Triller นั้นคือการให้เหล่าครีเอเตอร์สามารถที่จะควบคุมเนื้อหาและข้อมูลแฟน ๆ ของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ และท้ายที่สุด … สามารถเลือกทางเดินของพวกเขาเองได้อย่างสมบูรณ์

เหมือนที่ศาสตราจารย์ Galloway ได้สรุปไว้อย่างถูกต้อง ในฐานะสังคม พวกเราได้ต้อนรับนักแสดงต่างชาติเพื่อเกลี้ยกล่อมลูก ๆ ของเราและครองตลาดนี้ โดยที่พวกเราก็ทำเช่นนั้นโดยไม่มีการคัดค้านใด ๆ

Triller เชื่อว่าสิ่งนี้ควรจบลงได้แล้ว

เนื่องจากที่ Triller ได้ทำการขยายเพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำหรับครีเอเตอร์และเพื่อวางรากฐานสำหรับแพลตฟอร์มสำหรับครีเอเตอร์ที่ไม่เหมือนใครแล้ว เราจึงได้พัฒนาความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของครีเอเตอร์ จากการดูแลของเรา ซึ่งดูแลเนื้อหารายการบนโซเชียลมีเดียมากกว่า 175 พันล้านรายการต่อไตรมาส ครอบคลุมครีเอเตอร์กว่า 2 ล้านคนและแบรนด์กว่า 25,000 แบรนด์ เราพบว่า TikTok นั้นระงับเนื้อหาและการมีส่วนร่วมจากครีเอเตอร์ผิวสี ทำให้ผู้ชมนั้นไม่สามารถมองเห็นเนื้อหาเหล่านั้นได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอัลกอริทึม AI ของ TikTok ที่ออกถูกแบบโดย ByteDance นั้นเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อที่มีประสิทธิภาพมาก — และนั่นเองคือเหตุผลที่อินเดียสั่งแบนแอปจากพลเมืองของตน อีกตัวอย่างหนึ่งคือบทบาทของ TikTok ที่มีต่อการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในฟิลิปปินส์ของ Bong Bong Marcos ดังที่ Bloomberg ได้ให้รายละเอียดไว้ เนื่องจากบทความได้ระบุความผิดให้กับบทบาทของ TikTok ในการเขียนประวัติศาสตร์ฟิลิปปินส์ใหม่อย่างเชี่ยวชาญ จึงควรเป็นการเรียกร้องให้เราแต่ละคนหันมาเข้าใจถึงตัวการที่แท้จริงที่อยู่ในบ้านแต่ละหลังของเรา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า TikTok มีบทบาทสำคัญในการเปิดใช้งานเครือข่ายเฝ้าระวังทั้งในและนอกประเทศจีน หนทางที่เทคโนโลยีเหล่านี้จะสามารถเข้าถึงชีวิตของเราได้นั้นแทบจะไม่มีขีดจำกัดเลย นี่คือภัยอันตรายในปัจจุบันที่สามารถเห็นได้ชัดเจนทั้งยังเป็นประเด็นด้านความมั่นคงของชาติ

ดูความกว้างของข้อมูลที่ TikTok นั้นสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้ จากนั้น ผนวกเข้ากับข้อกังวลที่กว้างขึ้นที่ผู้นำทางการเมือง ชุมชนข่าวกรอง และผู้นำธุรกิจของเรากำลังพูดถึงกัน — ที่ใดมีควัน ที่นั่นมีไฟ

ในวันนี้ Triller ได้ดึงสัญญาณเตือนภัยแล้ว

พวกเราไม่มีเวลาให้เสีย

Triller แพลตฟอร์มสำหรับครีเอเตอร์โดยครีเอเตอร์ ได้ทำการสร้างเครือข่ายบริการและผลิตภัณฑ์สำหรับครีเอเตอร์ ได้รวบรวมระบบนิเวศทางธุรกิจที่ปฏิวัติวงการเพื่อตอบสนองความต้องการทั้งในทันทีและในระยะยาวของผู้ที่ต้องการแบ่งปันความปรารถนาของตนต่อคนทั่วทั้งโลก แม้ว่าเราจะมุ่งเน้นไปที่ครีเอเตอร์และอนาคตของเศรษฐกิจสำหรับครีเอเตอร์ แต่เราเชื่อว่าอนาคตที่ขยายตัวขึ้นของนวัตกรรมในอเมริกานั้นมีความเสี่ยงเพราะการไม่ให้ความสนใจกับภัยคุกคามนี้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วอยู่ในมือของเรา

เข้าร่วมกับเราในวันนี้และลงมือทำ เข้าร่วมกับเราและ ชาวอเมริกา ผู้รักอิสระที่มีความคิดชัดเจน ซึ่งเชื่อในตลาดเสรี เสรีภาพในการสร้างสรรค์ นวัตกรรม และอนาคตที่เราสามารถกำหนดชีวิตของเราได้โดยไม่มีอำนาจมืดมาขัดขวาง

Mahi de Silva
CEO
Triller, Inc.

เกี่ยวกับ Triller:

Triller เป็นแพลตฟอร์มสวนทางเทคโนโลยีแบบเปิดที่ขับเคลื่อนโดย AI สำหรับครีเอเตอร์ จับคู่วัฒนธรรมดนตรีเข้ากับกีฬา แฟชั่น ความบันเทิง และอินฟลูเอนเซอร์ผ่านทางมุมมอง 360 องศา ของเนื้อหาและเทคโนโลยี Triller สนับสนุนให้อินฟลูเอนเซอร์โพสต์เนื้อหาที่สร้างขึ้นบนแอปผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ และใช้เทคโนโลยี AI ที่เป็นกรรมสิทธิ์เพื่อทำการผลักดันและติดตามเนื้อหาที่เผยแพร่ไปยังเว็บไซต์และเครือข่ายในเครือและเครือข่ายที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้เพิ่มขึ้นหลายล้านคน Triller ยังเป็นเจ้าของ VERZUZ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดนตรีสตรีมสดที่เปิดตัวโดย Swizz Beatz และ Timbaland; Amplify.ai แพลตฟอร์มสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าชั้นนำ FITE ซึ่งเป็นเว็บไซต์สตรีมมิ่ง PPV, AVOD และ SVOD ชั้นนำระดับโลกและ Thuzio ผู้นำด้านกิจกรรมและประสบการณ์อินฟลูเอนเซอร์ระดับพรีเมียม B2B Triller เพิ่งยื่นขอ IPO ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้

เกี่ยวกับ TikTok:

TikTok เป็นอาวุธสงครามม้าโทรจันของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ปลอมตัวเป็นแอปแบบสั้นซึ่ง 80 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอเมริกันดาวน์โหลดไว้ในโทรศัพท์ของพวกเขา สามารถทั้งอ่าน ดาวน์โหลด ดู คัดลอก ติดตามและควบคุมทุกแง่มุมของโทรศัพท์ข้อมูลของเจ้าของรวมถึงผู้ที่อยู่ใกล้และส่งข้อมูลกลับไปยังศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกาซึ่งก็คือพรรคคอมมิวนิสต์จีน อย่าพลาดเรื่องนี้โดยเด็ดขาด TikTok ไม่ใช่เพียงแค่ของเล่นแต่เป็นหนึ่งในอาวุธสงครามที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมาในการบุกอเมริกา

สามารถรับชมรูปภาพต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบในการประกาศนี้ได้ที่ https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/0e87aacb-92f4-4723-9e7e-e24021cff5f7

Triller PR

Brian O’Shaughnessy
brian@triller.co

OKX is now available on TradingView

OKX has partnered with TradingView to make it easy to go from charting to trading

• TradingView’s 30 million customers can now execute trades on OKX directly through TradingView
• Access to OKX offers TradingView users 640 more spot trading pairs and 100+ crypto derivatives, meeting the demand for more trading options and deeper market liquidity

VICTORIA, Seychelles, July 19, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — OKX, the world-leading cryptocurrency platform, today announced a partnership with TradingView, the number one most visited investing site in the world, that enables retail users to execute trades on OKX from their TradingView account. The integration of OKX makes over 260 more cryptocurrencies directly accessible to TradingView’s 30 million customers, with OKX adding 640 more spot trading pairs and 100 more crypto derivatives to those available on TradingView.

With a third of new investors using social media to do investment research, and financial guidance and investment sites being the most popular resource for investment ideas, TradingView provides an in-demand solution for new and experienced traders alike. The integration of OKX takes social crypto trading further by adding deep liquidity for a wide range of digital assets to TradingView.

Haider Rafique, Global Chief Marketing Officer, OKX said, “We are the first global crypto exchange of our size to integrate at this level with TradingView. Our primary focus is to bring better tooling and insights to crypto traders by allowing them to analyze market data, create custom charts, and use those signals to make more informed trades. With this partnership, TradingView customers can place trades via OKX without leaving the site, while OKX customers can make the most of TradingView charting within the OKX exchange. This enables faster decision making for traders and saves them having to click in and out of different views.”

The assets made available on TradingView through OKX’s integration include market leaders such as near (NEAR), cosmos (ATOM), and monero (XMR). Beyond bitcoin (BTC) and ether (ETH), swaps and futures will be available for top assets like aave (AAVE), solana (SOL), and litecoin (LTC), among others. OKX provides access to over 350 cryptocurrencies in total.

Trading on OKX via TradingView is easy. Simply hover over the OKX icon in the TradingView panel, click the “Connect” button and enter your OKX account details. For help connecting your OKX account on TradingView, check out this step-by-step guide.

For further information, please contact:
Media@okx.com

About OKX
OKX is a leading crypto trading app, and a Web3 ecosystem. Trusted by more than 20 million global customers in over 180 international markets, OKX is known for being the fastest and most reliable crypto trading app of choice for investors and professional traders globally.

To learn more about OKX, download our app or visit: okx.com

A photo accompanying this announcement is available at https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/118023f8-0edb-4cc6-b025-0bfc2008bd7a

Turin, 19t^h July 2022. Iveco Group N.V. (MI: IVG) confirmed today that its financial results for the Second Quarter of 2022 will be presented on Thursday, 28^th July 2022.

A live audio webcast of the 2022 Second Quarter results conference call will begin at 10.30am CEST / 9.30am BST on Thursday, 28^th July 2022.

Details for accessing the webcast presentation are available at the following address:
Q2 2022_IVECO GROUP webcast

For those unable to take part in the live session, a replay will be available in the Investors section of the company website (www.ivecogroup.com) following the conference call.

Iveco Group N.V. (MI: IVG) is a global automotive leader active in the Commercial & Specialty Vehicles, Powertrain, and related Financial Services arenas. Each of its eight brands is a major force in its specific business: IVECO, a pioneering commercial vehicles brand that designs, manufactures, and markets heavy, medium, and light-duty trucks; FPT Industrial, a global leader in a vast array of advanced powertrain technologies in the agriculture, construction, marine, power generation, and commercial vehicles sectors; IVECO BUS and HEULIEZ, mass-transit and premium bus and coach brands; IDV, for highly-specialised defence and civil protection equipment; ASTRA, a leader in large-scale heavy-duty quarry and construction vehicles; MAGIRUS, the industry-reputed firefighting vehicle and equipment manufacturer; and IVECO CAPITAL, the financing arm which supports them all. Iveco Group employs approximately 34,000 people around the world and has 28 manufacturing plants and 29 R&D centres. Further information is available on the Company’s website www.ivecogroup.com

Media Contacts:
Francesco Polsinelli, Tel: +39 335 1776091
Fabio Lepore, Tel: +39 335 7469007
E-mail: mediarelations@ivecogroup.com

Investor Relations:
Federico Donati, Tel: +39 011 0073539
E-mail: investor.relations@ivecogroup.com

Attachment

• 20220719_PR_Iveco_Group_2022_Q2_Announcement

Basseterre, July 19, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — After a two-year hiatus brought on by the COVID-19 pandemic, St Kitts and Nevis will once again celebrate the annual “Restaurant Week” from July 14 to 24, 2022. With this, the twin island country is set to celebrate its culture, cuisine, and local ingredients with the island’s best chefs.

Restaurant week is an event where restaurants offer reduced or fixed price menus so that customers can try many different types of food that may normally be out of their price range.

Mid and upper-range establishments join restaurant week annually, but any restaurant can take part in the event. The general concept is that local restaurants partner with local tourist organizations or chambers of commerce to promote a week of lunch and dinner specials.

St Kitts and Nevis’ restaurant week will also shine a spotlight on Kittitian and Nevisian farmers. During each stage of the activities and competitions during the week, the restaurants will highlight the significance of farmers among the travellers. They will showcase the vibrant cultural and authentic cuisine of the twin island with magnificent events.

Among the events planned for this year is the Tasting Showcase, which will be held in both St Kitts and Nevis, where restaurants serve up dishes made from this year’s theme ingredient – sweet potato. The St Kitts Tasting Showcase takes place on July 10 and the Nevis version on July 16. Besides this, there will also be a bartender/mixologist competition where participants will complete the winning cocktail, “The Eye-Opener”, which must feature one of the Kitts rums, and it will take place on July 14.

Another key event on the calendar will be Grill Fest on July 23, which “pays tribute to the grill masters as they vie for the title of Best Grill Master in three categories: poultry, pork and seafood”. Every participating restaurant will offer savoury dishes and beverages to the attendees as they will witness the serving up of the tasty dishes featuring the sweet potato.

Participating restaurants will design one-off menus, each incorporating the theme ingredient. More than 50 restaurants will be participating in the event to give local experiences through culinary, entertainment and artisans.

One of the participating restaurants will be Serendipity, a cosy restaurant, lounge, and bar situated in the historic Fortlands, a short walk from downtown Basseterre. Both Serendipity’s extensive lunch and dinner menus will offer the patrons a wide variety of local and international cuisine.

Another restaurant, Four Seasons Resort Nevis, will participate in St Kitts and Nevis Restaurant Week and its three-course menu will surely showcase the talent of the Four Seasons culinary team. Natalia Ristorante resorts also expressed pleasure in announcing their participation in this annual tradition of dining out and celebrating local ingredients. Their chefs have curated a special three-course menu featuring simple Italian classics and sweet potato.

Besides this, the event will also feature restaurants such as Arther’s, Sunset Cafe, Park Hayyat and over fifty restaurants.

St Kitts and Nevis have built an excellent reputation for cuisine in recent years. Chefs on the islands guard local recipes zealously, but as well as Creole and West Indian fare, they also specialize in Chinese, Western and Indian dishes.

The restaurants of the twin island welcomed tourists with fresh fruit on the market and beach promenades selling mangoes, papayas, bananas and much more. Moreover, the country is also famous for imported drinks. In addition to that, the local cooking is simple, spicy and makes use of the plentiful fresh fish, vegetables, and fruit.

Restaurants such as Frigate Bay and Turtle Bay located in the capital, Basseterre and the southern peninsula resort area offer good options ranging from fine dining to family restaurants, serving a mixture of local and international cuisine to the visitors.

Moreover, St Kitts and Nevis cuisines incorporate the finest fresh local ingredients into simple, flavourful dishes. People will find many things to do in St Kitts, but none of them is more satisfying than sitting down and enjoying the local delicacies.

The country has paved the progressive path with the help of tourism and the Citizenship by Investment Programme. The Federation is profoundly known as one of the best nations providing economic citizenship.

Launched in 1984, the smallest country in the Western Hemisphere is a pioneer of the Citizenship by Investment industry. The Citizenship by Investment Programme of St Kitts and Nevis has also been regarded world’s best by the CBI Index 2021 of the Financial Times published in the PWM Magazine. St Kitts and Nevis have been ranked first for Citizenship Time, Due Diligence and Family in the Index.

St Kitts and Nevis is providing alternative citizenship to investors across the globe in exchange for the financial contribution to the country’s economy. It has also been regarded as the longest-running in the world for running the programme for more than three decades.

Interested candidates can apply for alternative citizenship of the country through the Sustainable Growth Fund (SGF), which is popularly known as Fund Option. This investment option was established in the year 2018 to support various socio-economic initiatives in the country. The SGF supports the ongoing advancement of St Kitts and Nevis and provides the country with the potential to grow as a prospering small-island country. The investment will enhance the future of investors, as well as the future of St Kitts and Nevis.

Some of the key benefits offered by the Programme of St Kitts and Nevis are as follows:

• Open routes to a global market

• Opportunity to become a global citizen

• Enables to add additional dependants under one application

• Offers numerous business opportunities

• Diversify your portfolio

• An efficient platform for wealth planning

About St Kitts and Nevis: 

One must visit the travel destination; St Kitts and Nevis is an exceptional place for travellers who love to relish a stay in the lap of nature. The twin island Federation is famous for sandy as well as silver beaches and coral reefs. The tourists are attracted to the beautiful and mesmerizing sights of the Federation. Moreover, St Kitts and Nevis have also regarded as the safest in the Caribbean region.

PR St Kitts and Nevis
Government of St. Kitts and Nevis
pr@csglobalpartners.com

QUEBEC, July 19, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — LeddarTech^®, a global leader in providing the most flexible, robust and accurate ADAS and AD sensing technology, is pleased to announce the appointment of Mr. David Torralbo as Chief Legal Officer on June 20, 2022.

David has over 20 years of experience specializing in corporate and securities law, public and private M&A, corporate governance, litigation and risk management. Most recently, he served as Chief Legal Officer at Nouveau Monde Graphite (NYSE: NMG and TSXV: NOU) and, before that, as Chief Legal Officer of Atrium Innovations from 2011-2019. Before Atrium, David was a partner in the corporate group at Davies, Ward, Phillips & Vineberg. Earlier in his career, David was an associate in the London, UK office of Clifford Chance and a member of its debt and capital markets team.

David earned his Bachelor of Civil Law (LL.L.) and common law (LL.B.) at the University of Ottawa and has a Bachelor of Commerce (B.Com) from McGill University. He is a member of the Quebec Bar and holds a non-practicing certificate from the Law Society of England & Wales.

“It is a pleasure to welcome David Torralbo as our Chief Legal Officer,” stated Charles Boulanger, CEO of LeddarTech. “David’s expertise in mergers and acquisitions as well as his vast experience and passion for practicing law in the private and public sectors make him an excellent addition to our executive team,” Mr. Boulanger continued. “LeddarTech has, in the past two years, made significant acquisitions enabling the company to accelerate our technology roadmap, particularly in sensor fusion and perception. This was a strategic objective, and David’s background strongly complements our executive team’s dedication to executing on our strategic plan and commitment to exceptional customer service with truly unique sensing solutions that enable ADAS and AD technology,” Mr. Boulanger concluded.

About LeddarTech

Founded in 2007, LeddarTech is a comprehensive end-to-end environmental sensing company that enables customers to solve critical sensing, fusion and perception challenges across the entire value chain. LeddarTech provides cost-effective perception solutions scalable from Level 2 ADAS to Level 5 full autonomy with LeddarVision™, a raw-data sensor fusion and perception platform that generates a comprehensive 3D environmental model from a variety of sensor types and configurations. LeddarTech also supports LiDAR manufacturers and Tier 1-2 automotive suppliers with key technology building blocks such as LeddarSteer™ digital beam steering and the LeddarEngine™, which is built on LeddarTech’s Leddar™ technology employing patented signal acquisition and processing techniques to generate a richer and cleaner return signal at a lower cost. The LeddarEngine comprises a highly integrated, scalable LiDAR SoC and software combination that enables LiDAR developers and Tier 1-2 automotive suppliers to design their own LiDAR solutions. The company is responsible for several innovations in cutting-edge automotive and mobility remote-sensing applications, with over 120 patented technologies (granted or pending) enhancing ADAS and autonomous driving capabilities.

Additional information about LeddarTech is accessible at www.leddartech.com and on LinkedIn, Twitter, Facebook and YouTube.

Contact:
Daniel Aitken, Vice-President, Global Marketing, Communications and Investor Relations, LeddarTech Inc.
Tel.: + 1-418-653-9000 ext. 232 daniel.aitken@leddartech.com

Investor relations contact: InvestorRelations@leddartech.com
https://investors.leddartech.com/

Leddar, LeddarTech, LeddarSteer, LeddarEngine, LeddarVision, LeddarSP, LeddarCore, LeddarEcho, VAYADrive, VayaVision, XLRator and related logos are trademarks or registered trademarks of LeddarTech Inc. and its subsidiaries. All other brands, product names and marks are or may be trademarks or registered trademarks used to identify products or services of their respective owners.

ควิเบก, July 19, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — LeddarTech^® ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการตรวจจับ ADAS และ AD ที่ยืดหยุ่น ทนทาน และแม่นยำที่สุดนั้น มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง David Torralbo ให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายในวันที่ 20 มิถุนายน 2022

David มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายองค์กรและหลักทรัพย์ M&A (การควบรวมกิจการ) ของรัฐและเอกชน การกำกับดูแลกิจการ การฟ้องร้องดำเนินคดี และการจัดการความเสี่ยง เก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายที่ Nouveau Monde Graphite (NYSE: NMG และ TSXV: NOU) และก่อนหน้านั้น เขาก็ได้ดำรงตำแหน่งในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Atrium Innovations ระหว่างปี 2011 – 2019 ก่อนที่จะดำรงตำแหน่ง Atrium ดังที่กล่าว David ยังเคยเป็นหุ้นส่วนในกลุ่มบริษัทที่ Davies, Ward, Phillips & Vineberg ในช่วงแรกของอาชีพนั้น David ได้เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมประจำลอนดอนซึ่งเป็นสำนักงานของ Clifford Chance ในสหราชอาณาจักรและเป็นสมาชิกของทีมตราสารหนี้ในตลาดทุน

David เข้ารับการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านกฎหมายลายลักษณ์อักษร (LL.L.) และกฎหมายจารีตประเพณี (LL.B.) ที่มหาวิทยาลัย Ottawa และได้รับปริญญาตรีด้านการพาณิชย์ (B.Com) จากมหาวิทยาลัย McGill เขาเป็นสมาชิกของ Quebec Bar และได้รับใบรับรองแบบไม่ได้ว่าความ (Non-practicing certificate) จาก Law Society of England & Wales

“ผมยินดีอย่างมากที่จะได้ต้อนรับ David Torralbo ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของเรา” Charles Boulanger CEO ของ LeddarTech กล่าว “ความเชี่ยวชาญของ David ในการควบรวมและการซื้อกิจการ รวมถึงประสบการณ์และความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการว่าความกฎหมายในภาคเอกชนและภาครัฐนั้น ทำให้เขาเป็นผู้ที่มาเติมเต็มทีมผู้บริหารของเราได้อย่างดีเยี่ยม” Boulanger กล่าวต่อ “ในช่วงสองปีที่ผ่านมา LeddarTech ได้เข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้ทางบริษัทสามารถเร่งดำเนินงานตามแผนงานด้านเทคโนโลยีของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการฟิวชันและการรับรู้ของเซ็นเซอร์ ซึ่งนี่เป็นวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ และภูมิหลังของ David ก็จะช่วยเสริมความทุ่มเทของทีมผู้บริหารของเราในการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ อีกทั้งยังเพิ่มความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการใช้โซลูชันการตรวจจับที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะนำมาใช้งานกับ ADAS และ AD” Boulanger กล่าวสรุป

เกี่ยวกับ LeddarTech

LeddarTech ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 โดยเป็นบริษัทตรวจจับข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจรที่ครอบคลุม ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถแก้ปัญหาด้านการตรวจจับ การฟิวชัน และการรับรู้ที่สำคัญตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า LeddarTech มอบโซลูชันการรับรู้ที่คุ้มค่าซึ่งปรับขนาดได้ตั้งแต่ ADAS ระดับ 2 ไปจนถึงระดับ 5 แบบอิสระเต็มรูปแบบด้วย LeddarVision™ ซึ่งเป็นฟิวชันเซ็นเซอร์ข้อมูลดิบและแพลตฟอร์มการรับรู้ที่สร้างแบบจำลองสภาพแวดล้อม 3 มิติที่ครอบคลุมจากเซ็นเซอร์และการกำหนดค่าหลากหลายประเภท LeddarTech ยังสนับสนุนผู้ผลิต LiDAR และซัพพลายเออร์ยานยนต์ระดับ 1-2 ด้วยการต่อยอดเทคโนโลยีหลัก เช่น ระบบบังคับเลี้ยวด้วยลำแสงดิจิทัล LeddarSteer™ และ LeddarEngine™ ซึ่งสร้างขึ้นบนเทคโนโลยี Leddar™ ของ LeddarTech โดยใช้การรับสัญญาณที่จดสิทธิบัตรและเทคนิคการประมวลผลเพื่อสร้างสัญญาณย้อนกลับที่ที่ชัดเจนและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยต้นทุนที่น้อยลง LeddarEngine ประกอบด้วย LiDAR SoC และการรวมกันของซอฟต์แวร์ที่มีรูปแบบการผสมผสานที่สูงและสามารถปรับขนาดได้ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนา LiDAR และซัพพลายเออร์ยานยนต์ระดับ 1-2 สามารถออกแบบโซลูชัน LiDAR ของตนเองได้ บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ในแอปพลิเคชันตรวจจับยานยนต์และการเคลื่อนที่ระยะไกลที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรมากกว่า 120 รายการ (ทั้งที่จดสิทธิบัตรแล้วหรือรอดำเนินการ) ที่ช่วยเสริมขีดความสามารถ ADAS และการขับขี่แบบอัตโนมัติ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LeddarTech ได้ที่ www.leddartech.com และบน LinkedIn, Twitter, Facebook และ YouTube.

ติดต่อ:
Daniel Aitken รองประธานฝ่ายการตลาดระดับโลก ฝ่ายการสื่อสารและนักลงทุนสัมพันธ์ของ LeddarTech Inc.
โทร.: + 1-418-653-9000 ext. 232 daniel.aitken@leddartech.com

ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์: InvestorRelations@leddartech.comhttps://investors.leddartech.com/

Leddar, LeddarTech, LeddarSteer, LeddarEngine, LeddarVision, LeddarSP, LeddarCore, LeddarEcho, VAYADrive, VayaVision, XLRator และโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ LeddarTech Inc. และบริษัทในเครือ แบรนด์ ชื่อผลิตภัณฑ์ และเครื่องหมายอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นหรืออาจเป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนที่ใช้เพื่อระบุผลิตภัณฑ์หรือบริการของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง